ภาพกองปุ๋ยหมัก แบบห่อหมกดินติดแอร์ |
ประกอบด้วยสิ่งที่หาได้ง่าย ดังนี้
1. C=Carbon 80% คือ ซากสิ่งมีชีวิต ได้แก่ ใบไม้ เศษหญ้า
2. S=Soil 10% คือ สิ่งไม่มีชีวิต ได้แก่ ดินร่วนซุย
3. E=Enzyme 10% คือ สิ่งมีชีวิต ใช้น้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ
ใช้เป็นฐานของห่วงโซ่อาหาร
4. A=A
ถ้าสนใจรายละเอียดให้ดูคลิป วิดีโอนี้ครับ
เป็นทฤษฎี(ทิฏฐิ ในภาษาบาลี) หรือความเห็น ดังนี้ : เป็นสมการด้านความสัมพันธ์ก
สูตรการหมักดิน หรือปรับโครงสร้างดิน คือ E = D (c80+s10+e10) ดังนี้
1. c = carbon คือ ธาตุคาร์บอนจากส
2. s = soil คือ สิ่งที่ไม่มีชีวิต
3. e = enzyme คือตัวการสำคัญที่ท
ผมขอประกาศว่า "ทฤษฎีนี้ยิ่งใหญ่มาก มันเป็นความอยู่รอดของมวลมน
ลงชื่อ กมล พรหมมาก ผู้ค้นพบทฤษฎี
หลักการทางฟิสิกส์ หรือกายภาพ หรือกฎธรรมชาติของโลก
โลกของเราประกอบด้วยของแข็ง ของเหลว และก๊าซหรืออากาศ
จากองค์ประกอบวัตถุโลก ๓ สถานะนี้ เราควรคำนึงถึงและเชื่อมโยงต่อหลักการกสิกรรมของเราด้วย นั่นคือการจัดทำปุ๋ยแบบธรรมชาติิหรือไร้สารพิษ เราต้องดึงเอาทั้ง ๓ ส่วนนี้มาประกอบกันให้ลงตัวอย่างพอเหมาะพอดีกับพืชด้วย
องค์ประกอบของพืชที่เป็นธาตุหลักสำคัญคือธาตุไนโตรเจน ประมาณ ๘๐%
องค์ประกอบของมวลอากาศชั้นบรรยากาศโทรโปสเฟียร์ที่อยู่ติดกับผิวโลก ก็มีธาตุไนโตรเจนประมาณ ๘๐% เช่นกัน
ดังนั้นโจทย์ คือ ทำอย่างไรเราจะดึงหรือตรึงไนโตร จากอากาศลงสู่พื้นดินได้
จากผลการทดลองพบว่า :
๑.ใช้หลักการให้น้ำแบบมินิสปริงเกอร์ ก็จะสามารถตรึงไนโนเจนลงสู่ผิวดินได้
๒.นำอินทรีย์วัตถุธาตุที่เป็นคาร์บอนมาเป็นตัวตรึงไนโตรเจนจากอากาศ ก็ได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน ได้แก่ จากผงถ่านไม้ แกลบดำ หรือจากใบไม้ กิ่งไม้ หญ้า
อีกหลักการหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจ คือ พืชเมื่อสังเคราะห์แสงแล้วจะได้น้ำตาลและแป้ง เป็นอาหารสะสมไว้
แป้งและน้ำตาลก็คือธาตุคาร์บอนนั่นเอง
ดังนั้นเราควรมองบรรยากาศที่อยู่รอบๆตัวเรา ให้เห็นเป็นธาตุไนโตรเจน และมองเห็นหญ้า ใบไม้ กิ่งไม้ ให้เห็นเป็นธาตุคาร์บอน และให้นำธาตุทั้งสองส่วนนี้มาประกอบกันเป็นปุ๋ยให้กับพืช
สรุป คือ เรามาช่วยกันเอาอากาศที่มีอยู่โดยธรรมชาติรอบๆตัวเรา นำมาทำปุ๋ยให้พืชกันเถอะ ซึ่งเป็นคำตอบสุดท้าย ที่เข้ากับหลักการเศรษฐกิจแบบพอเพียง